ข่าวประชาสัมพันธ์

  • นายกรัฐมนตรี เปิดงาน FTI EXPO 2025 : EMPOWERING THAI INDUSTRY, ELEVATING THAILAND’S FUTURE เสริมพลังอุตสาหกรรมไทย เพื่ออนาคตไทยที่ยั่งยืน

    13.02.2568
    1,226 View

    นายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมในพิธีเปิดงาน FTI EXPO 2025 : EMPOWERING THAI INDUSTRY, ELEVATING THAILAND’S FUTURE เสริมพลังอุตสาหกรรมไทย เพื่ออนาคตไทยที่ยั่งยืน โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ “จุดประกายอุตสาหกรรมไทย สร้างเศรษฐกิจใหม่นำประเทศสู่ความยั่งยืน” ย้ำว่าอุตสาหกรรม เป็น 1 ใน 3 การผลักดัน GDP ของประเทศ ยืนยันรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุน ดัน 4 GO คือ Go Digital & AI, Go innovation, GO Green และ Go Global การต่อยอดขยายข้อตกลงทางการค้า พร้อมปรับกฎระเบียบที่ล้าหลัง เพื่อเปิดช่องทางให้ SME ไทยมีโอกาส และมีศักยภาพการแข่งขันมากขึ้น

  • สคช. หารือร่วมกับ ศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิก หรือ APCD ส่งเสริมให้คนพิการมีโอกาสได้รับการรับรองทักษะตามความสามารถของบุคคล

    10.02.2568
    1,330 View

    สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ หารือร่วมกับ นายพิรุณ ลายสมิต ผู้อำนวยการบริหารศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิก หรือ APCD ซึ่งเป็นศูนย์พัฒนาระดับภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกสำหรับคนพิการในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก เพื่อขยายความร่วมมือในการพัฒนา ส่งเสริมให้คนพิการมีโอกาสได้รับการรับรองทักษะตามความสามารถของบุคคล ซึ่งที่ผ่านมา APCD ได้ฝึกอบรมและพัฒนาทักษะอาชีพให้แก่คนพิการ ทั้ง 7 รูปแบบ ได้แก่ 1.ผู้พิการทางการมองเห็น 2.ผู้พิการทางการได้ยินหรือสื่อความหมาย 3.ผู้พิการทางร่างกายหรือการเคลื่อนไหว 4.ผู้พิการทางจิตใจหรือพฤติกรรม 5.ผู้พิการทางสติปัญญา 6.ผู้พิการทางการเรียนรู้ และ 7.ผู้พิการออทิสติก โดยได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายภาคเอกชนหลายแห่งในการรับผู้พิการเข้าไปฝึกงานจนถึงรับเข้าทำงาน ใน 3 อาชีพหลักคือ บาริสต้า ทำช็อคโกแลต ทำขนมปังและงานบริการในโรงแรม ในแต่ละปีจะมีคนพิการที่ผ่านการอบรมจำนวน 60 คน ซึ่งกว่า 70% มีโอกาสได้เข้าทำงานมีอาชีพที่ยั่งยืน สามารถอยู่ร่วมกันไม่เป็นภาระสังคม ซึ่งทั้ง สคช. และ APCD เห็นตรงกันในการให้การรับรองกับคนพิการเพื่อเป็นอีกเส้นทางการรับรองความสามารถในการทำงาน เพิ่มโอกาสการมีงาน ได้การยอมรับจากสังคม

  • "ปรับเกมธุรกิจอัพเกรดประกันภัย! มืออาชีพยุคใหม่ต้องมีคุณวุฒิวิชาชีพ"

    10.02.2568
    1,373 View

    "ปรับเกมธุรกิจอัพเกรดประกันภัย! มืออาชีพยุคใหม่ต้องมีคุณวุฒิวิชาชีพ" สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ผนึกกำลังร่วมผู้ประกอบการชั้นนำในธุรกิจประกันชีวิตและประกันวินาศภัย ยกระดับบุคลากรด้วยคุณวุฒิวิชาชีพ โดยนายนิธิวัชร ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ และผู้บริหารระดับสูงจากสมาคมประกันชีวิต สมาคมประกันวินาศภัย สมาคมผู้สำรวจและประเมินวินาศภัย รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) อาทิ นายสุทิน เกษมสุข ผู้จัดการสถาบันประกันภัยไทย, นายพิชา สิริโยธิน ผู้อำนวยการบริหารสมาคมประกันชีวิตไทย,นางสาวกัลยา จุกหอม รองผู้อำนวยการบริหารสมาคมประกันวินาศภัยไทย และคุณรณกาจพุทธวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญ คปภ. ได้หารือร่วมกันเกี่ยวกับแนวทางการขับเคลื่อนระบบคุณวุฒิวิชาชีพในกลุ่มผู้ประกอบอาชีพประกันชีวิตและประกันวินาศภัย เพื่อยกระดับการันตี ความรู้ ความสามารถ และทักษะคนในอาชีพ เตรียมนำร่องการนำหลักสูตรฝึกอบรมมาเทียบเคียงกับมาตรฐานอาชีพของสถาบันในอาชีพผู้พิจารณาประกันชีวิต ระดับ 3 ซึ่งการให้การรับรองคุณวุฒิวิชาชีพไม่เพียงช่วยการันตีความสามารถและทักษะของบุคลากรในภาคประกันภัยเท่านั้น แต่จะเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจประกันภัย สร้างโอกาสการจ้างงาน อีกด้วย

  • สคช.คิกออฟการันตีความสามารถคนในวงหมอลำ จัดทำมาตรฐานอาชีพนำร่อง หวังยกระดับซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่สากล

    07.02.2568
    1,410 View

    สคช.คิกออฟการันตีความสามารถคนในวงหมอลำ จัดทำมาตรฐานอาชีพนำร่อง หวังยกระดับซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่สากล ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมด้วยนางสาวโอมิกา บุญกัน ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ นำทีมหารือระดมความคิดเห็นต่อแนวทางการจัดทำมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ สาขาวิชาชีพอนุรักษ์งานศิลปหัตกรรมและงานพื้นบ้าน สาขาการแสดงศิลปะและวัฒนธรรมสร้างสรรค์ (กลุ่มอาชีพการแสดงหมอลำ) โดยมีคุณสุชาติ อินทร์พรม หรือที่รู้จักกันในวงการ “เฮียหน่อย” ผู้อำนวยการสร้างรายการหมอลำไอดอล และผู้บริหารวงหมอลำอีสานนครศิลป์ และคุณชุติมา พัฒนพงศ์ ผู้แทนจากสำนักงานพัฒนาการเชิงพื้นที่ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เข้าร่วมประชุมแบบออนไซต์ ณ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ และขณะเดียวกันยังมีผู้เข้าร่วมในการระดมความคิดเห็นผ่านช่องทางออนไลน์ ประกอบด้วย ผู้แทนจากวงหมอลำคณะต่างๆ เช่น คุณพิริยะ นาคเนาวัตน์ ผู้บริหารวงหมอลำซานเล้าบันเทิงศิลป์, ผู้บริหาร บริษัท นิวเจนเอ็นเตอร์เทนเมนต์, ศิลปินหมอลำ จินตนา เย็นสวัสดิ์, ศิลปินหมอลำ วีรพงษ วงศ์ศรี, วิวัฒน์วงศ์ หาญสุริย์ หัวหน้าคณะรัตนศิลป์อินตาไทยราษฏร์ นอกจากนี้ก็มีผู้แทนจากหน่วยงาน และสถาบันการศึกษาที่มีการเรียนการสอนและการทำงานเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์หมอลำ อาทิคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, วิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์, สำนักส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์, สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดหนองคาย เป็นต้น ดร.ณฐา กล่าวว่า หมอลำเป็นอีกก้าวสำคัญของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ในการยกระดับอาชีพศิลปะการแสดงพื้นบ้านของไทย ให้ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ หมอลำไม่ใช่เพียงการแสดงเพื่อความบันเทิง แต่เป็นศาสตร์ที่มีรากลึกในวัฒนธรรมอีสาน ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านบทกลอนและทำนองอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งการให้การรับรองกับกลุ่มคนในอาชีพนี้ นอกจากจะช่วยสร้างคุณค่าให้กับศิลปินหมอลำแล้ว ยังเป็นการต่อยอด Soft Power ของไทยให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ในฐานะที่มีหน้าที่หลักในการให้การรับรองคนด้วยคุณวุฒิวิชาชีพ และยังร่วมในการเป็นคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ รวมถึงร่วมอยู่ในคณะอนุกรรมการซอฟต์พาวเวอร์อาหาร และท่องเที่ยว เล็งเห็นถึงความสำคัญของการจัดทำมาตรฐานอาชีพหมอลำ ซึ่งจะเป็นมาตรฐานที่นำไปสู่การรับรองให้กับคนอุตสาหกรรมงานศิลปะไทยและวัฒนธรรมสร้างสรรค์ โดยข้อสรุปที่ได้จากการระดมความคิดเห็นร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมหมอลำ คือ สถาบันจะเริ่มดำเนินการจัดทำมาตรฐานอาชีพนำร่อง ใน 3 อาชีพ คือ อาชีพศิลปินหมอลำ, อาชีพนักดนตรีหมอลำและแดนเซอร์ ซึ่งทั้ง 3 อาชีพนี้เป็นบุคลากรที่เป็นกลุ่มใหญ่ในวงหมอลำ จากนั้น จะมีการดำเนินการต่อในอาชีพอื่นๆ ที่เป็นผู้สร้างสรรค์งานในวงหมอลำต่อไป อย่างไรก็ตาม การผลักดันให้มีการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ ก็เพื่อให้ศิลปินหมอลำและผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องในวงหมอลำ ได้มีโอกาสเติบโตมีแนวทางพัฒนาอาชีพที่ชัดเจน สามารถปรับตัวและเติบโตได้ในตลาดที่กว้างขึ้น ทั้งยังสามารถนำคุณวุฒิวิชาชีพตามทักษะ ประสบการณ์ที่ได้รับจากการมีมาตรฐานอาชีพไปเทียบเคียงกับคุณวุฒิในภาคการศึกษาได้อีกด้วย

  • สคช. ร่วมให้ข้อมูลความต้องการด้านแรงงานในอุตสาหกรรมเป้าหมาย

    06.02.2568
    1,345 View

    สคช. ร่วมให้ข้อมูลความต้องการด้านแรงงานในอุตสาหกรรมเป้าหมาย นายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมด้วยนายจรณวรรฒ ทองหลอม ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ เข้าร่วมการหารือ (Focus Group) เรื่องการพัฒนาข้อมูลอุปสงค์ (Demand) ด้านแรงงานในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่จัดขึ้นโดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยการประชุมนี้จัดขึ้นเพื่อวิเคราะห์ประเด็นปัญหา กำหนดจุดมุ่งหมายในการพัฒนาและระดมความคิดในการออกแบบแนวทางการพัฒนาร่วมกับหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำเสนอคณะอนุกรรมการด้านการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยมีหน่วยงานที่เข้าร่วมประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมการจัดหางาน สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ และสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม หลังจากการประชุมFocus Group ในวันนี้แล้ว ข้อมูลที่ได้รับสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะนำไปจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบาย และจะมีการนำเสนอต่อทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องภายในเดือนมีนาคม 2568 ก่อนจะนำเสนอต่อบอร์ดของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป

  • นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมด้วยดร. ศิริพรรณ ชุมนุม ที่ปรึกษาคณะกรรมการสถาบัน นำคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สถาบัน เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียน ครั้งที่ 14 (The Fourteenth Meeting of ASEAN Qualifications Reference Framework (AQRF) Committee)

    06.02.2568
    1,387 View

    นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมด้วยดร. ศิริพรรณ ชุมนุม ที่ปรึกษาคณะกรรมการสถาบัน นำคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สถาบัน เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียน ครั้งที่ 14 (The Fourteenth Meeting of ASEAN Qualifications Reference Framework (AQRF) Committee) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 – 6 กุมภาพันธ์ 2568 ณ โรงแรมคลาวน์พลาซ่า นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยมี Mr. Panya Chanthavong อธิบดีกรมประกันคุณภาพการศึกษา สปป.ลาว เป็นประธานคณะกรรมการ , Dr. Kyi Shwin อธิการบดีมหาวิทยาลัยภาษาย่างกุ้ง เมียนมาร์ เป็นรองประธาน พร้อมด้วยคณะกรรมการและผู้ประสานงานจากสมาชิกอาเซียนเข้าร่วมการประชุม โอกาสนี้ ประเทศไทยได้นำเสนอความก้าวหน้าในฐานะที่ได้เป็น 1 ใน 4 ประเทศสมาชิกอาเซียน ที่ได้รับการรับรองการเทียบเคียง NQF กับ AQRF แล้ว โดยไทยได้ขับเคลื่อนการพัฒนาผู้เรียนและกำลังคนของประเทศทั้งในการส่งเสริมการพัฒนาหลักสูตรที่สอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพตาม NQF การพัฒนากลไกและระบบธนาคารหน่วยกิตแห่งชาติของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับระบบธนาคารหน่วยกิตของสำนักงานปลัดกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (สคช.) ที่ประชุมยังได้ร่วมกันพิจารณาให้ข้อคิดเห็นต่อการขับเคลื่อนงานของภูมิภาคอาเซียนที่สำคัญ อาทิ การพัฒนาระบบการรับรองคุณวุฒิด้วยระบบดิจิทัล การพัฒนาหลักการในการส่งเสริมการประกันคุณภาพ และการเทียบเคียงกรอบคุณวุฒิของประเทศ/ภูมิภาคที่สามกับ AQRF และร่วมกันทบทวนแผนการดำเนินงานของคณะกรรมการ AQRF ในช่วงปี ค.ศ. 2020-2025 เพื่อมุ่งหวังให้เกิดความร่วมมือของประเทศในภูมิภาคอาเซียนในการพัฒนากำลังคนร่วมกันต่อไป นอกจากนี้ ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ยังได้นำเสนอแนวทางในการระบุระดับ AQRF ในใบรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ และตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีทางการศึกษาผ่านระบบ E-Workforce Ecosystem Platform เพื่อพัฒนากำลังคน และสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่สนับสนุนให้ทุกคนได้มีโอกาสในการพัฒนาตนเองผ่านบริการต่างๆ รวมทั้งยังเป็นแหล่งรวบรวมฐานข้อมูลด้านแรงงานของประเทศไว้ด้วย ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับองค์กรต่างๆ ที่จะนำไปสู่การวิเคราะห์ข้อมูลด้านกำลังคนที่เกี่ยวข้องในภาคอุตสาหกรรมและบริการของประเทศต่อไป

  • สคช.ร่วมงานเปิด Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025

    03.02.2568
    1,436 View

    ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ในฐานะรองประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านอาหาร และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านท่องเที่ยว ร่วมงานเปิด Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ที่จัดขึ้น ณ ช้าง Chang Canvas, One Bangkok โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คณะทูตานุทูต คณะกรรมการ Soft Power อาทิ เชฟชุมพล แจ้งไพร ประธานคณะอนุกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ด้านอาหาร, คุณมาริสา สุโกศล หนุนภักดี ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านการท่องเที่ยว และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและกีฬา ทั้งภาครัฐและเอกชน เข้าร่วมงาน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การท่องเที่ยวไทยเป็นตัวขับเคลื่อน GDP ของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงการเปลี่ยนผ่านภาคอุตสาหกรรมไทยสู่อุตสาหกรรมดิจิทัล จึงต้องสร้างการเติบโตที่มากขึ้น ทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวและเม็ดเงินที่ใช้จ่ายต่อหัว ด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว และการคมนาคมขนส่ง รวมถึงการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบ Man-made Tourism ให้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก พร้อมต่อยอดเทศกาลศิลปวัฒนธรรมไทยด้วยการเสริมความสร้างสรรค์ รวมถึงจัดให้มีเทศกาลใหม่ระดับโลก ทั้งเทศกาลดนตรี อาหาร ศิลปะ ไปจนถึงการเป็นศูนย์กลางทางกีฬา และ Entertainment Complex ที่รัฐบาลผลักดันให้เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทำให้การท่องเที่ยวไทยเติบโตมากขึ้น ขณะที่ นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ปี 2568 มีเป้าหมายที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาประเทศไทย 39 ล้านคน และสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวรวม 3 ล้านล้านบาท เพื่อให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการสร้างและกระจายรายได้สู่ประชาชน สร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน และเร่งดำเนินมาตรการอำนวยความสะดวกเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีในทุกย่างก้าวและยกระดับประสบการณ์ท่องเที่ยวทุกมิติ โอกาสนี้ ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพกล่าวว่า สคช.พร้อมสนับสนุนและร่วมขับเคลื่อนนโยบายในการส่งเสริมการพัฒนาทักษะและยกระดับอาชีพให้กับกำลังคนในอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ อาทิ อาชีพผู้ประกอบอาหารไทย ตามโครงการ 1 หมู่บ้าน 1 เชฟอาหารไทย อาชีพในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ เกม นักผลิตโครงสร้างตัวละครแอนิเมชั่น ตามนโยบาย 1 ครอบครัว 1 ทักษะซอฟต์พาวเวอร์ (OFOS) อาชีพในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว แฟชั่น ผ้าทอ จักสาน อาชีพนักเขียน และอาชีพในอุตสาหกรรมดนตรีหมอลำ ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทำโครงการจัดทำมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ สาขาวิชาชีพอนุรักษ์งานศิลปหัตถกรรมและงานพื้นบ้าน สาขาการแสดงศิลปะไทยและวัฒนธรรมสร้างสรรค์ (กลุ่มอาชีพด้านการแสดงหมอลำ) และอาชีพครูมวยไทย เป็นต้น

  • รองนายกฯ อนุทิน หนุน EWE Platform เป็นแพลตฟอร์มส่งเสริมการ Reskill - Upskill หลักของประเทศ

    27.01.2568
    781 View

    รองนายกฯ อนุทิน หนุน EWE Platform เป็นแพลตฟอร์มส่งเสริมการ Reskill - Upskill หลักของประเทศ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบแนวทางการดำเนินงานสำคัญให้สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ในฐานะเป็นหน่วยงานภายใต้กำกับดูแลตามที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี โดยนายอนุทิน ระบุว่าได้มีการนำเสนอแนวทางการขับเคลื่อน E- Workforce Ecosystem Platform ต่อคณะรัฐมนตรี ตามมติคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ในการสนับสนุนการใช้แพลตฟอร์ม E-Workforce Ecosystem ซึ่งดำเนินการโดยสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ให้เป็นแพลตฟอร์มหลักของประเทศในการส่งเสริมการ Reskill - Upskill ให้ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงานและการเรียนรู้ตลอดชีวิตของคนทำงาน ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนากำลังคนของประเทศ ได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งแนวทางนี้ประชาชน คนทำงานจะได้ประโยชน์สูงสุดและได้รับการรับรองสมรรถนะหรือคุณวุฒิวิชาชีพต่อไป ตลอดจนรัฐบาลสามารถใช้ข้อมูลจาก Platform นำไปสู่การพัฒนาทักษะ ความรู้ ความสามารถของกำลังแรงงานได้อย่างตรงตามเป้าหมาย และเพื่อเป็นการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ในด้านกำลังคนของประเทศ จึงได้ให้สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพประสานความร่วมมือกับสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย จัดทำ MOU ร่วมกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องภายใต้กระทรวงมหาดไทย ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย กรมการพัฒนาชุมชน กรมการปกครอง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมที่ดิน รวมทั้งกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ให้ทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อกำลังคนของประเทศอย่างสูงสุด รวมถึงการเชื่อมโยงภาคแรงงานและภาคการศึกษา โดยเฉพาะในระดับอาชีวะศึกษาเข้าหากัน นอกจากนี้ การดำเนินงานของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพมีความสำคัญและรองรับนโยบายของรัฐบาลด้านการพัฒนาทักษะกำลังแรงงานโดยเฉพาะการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ จะช่วยยกระดับความรู้ความสามารถของคนทำงาน ซึ่งจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงภูมิทัศน์ด้านศักยภาพแรงงานของประเทศ ได้ชัดเจนที่สุด พร้อมกำชับให้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาแรงงานขาดแคลน ร่วมกันพัฒนากำลังคน หรือฝีมือแรงงาน ให้การดำเนินการและปฏิบัติหน้าที่ด้านมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพเป็นไปในแนวทางที่สอดคล้องกัน นายอนุทินยังได้ขอบคุณ คณะกรรมการทุกท่าน ที่ร่วมกันมอบหมายนโยบาย กำกับและดูแลการดำเนินงานของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ตลอดปี พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา และขอให้ทุกท่านให้ความสำคัญกับภารกิจของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ไม่ว่าท่านจะเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง กรรมการซึ่งเป็นผู้แทนของภาคเอกชน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมกันกำหนดนโยบายพร้อมขับเคลื่อนและผลักดันให้การดำเนินงานในปี 2568 บรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนปฏิบัติการ และแผนงบประมาณ ตลอดจนประสานและตกลงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนากำลังคน หรือฝีมือแรงงาน ให้การดำเนินการและปฏิบัติหน้าที่ด้านมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพเป็นไปในแนวทางที่สอดคล้องกัน สุดท้ายนี้ ผมขอถือโอกาสนี้สวัสดีปีใหม่ 2568 มายังทุกท่านและหน่วยงานภาคีเครือข่ายของสถาบัน ขอส่งความปรารถนาดีและขอให้ทุกท่านมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงประสบแต่ความสุข และพึงปรารถนาสิ่งใดขอให้สัมฤทธิ์ผลทุกประการ

  • ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมแสดงความยินดี ในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 8 ปี สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA)

    23.01.2568
    684 View

    ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมแสดงความยินดี ในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 8 ปี สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) โดยมี ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ

  • นายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมเปิดตัวโครงการยกระดับทักษะด้านดิจิทัลและแพลตฟอร์ม SKILLKAMP

    23.01.2568
    711 View

    นายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมเปิดตัวโครงการยกระดับทักษะด้านดิจิทัลและแพลตฟอร์ม SKILLKAMP ซึ่งธนาคารกสิกรไทย โดยนายพิพิธ เอนกนิธิ ผู้จัดการใหญ่ธนาคาร จัดขึ้น เพื่อสนับสนุนกลุ่มเป้าหมาย คือ คนทำงานรุ่นใหม่ทั้งที่เรียนและทำงานในสายดิจิทัลและเทคโนโลยีโดยตรง รวมถึงคนที่ไม่ได้เรียนหรือทำงานในสายนี้ แต่มีความสนใจและต้องการพัฒนาตนเองเพื่อสร้างโอกาสเติบโตในวิชาชีพ โดยมีหน่วยงานและบริษัทชั้นนำที่ร่วมเป็นพันธมิตร ให้ผู้ร่วมโครงการได้คิดและลงมือทำจริง ผ่านหลักสูตรที่เน้นพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลใน 5 วิชาชีพซึ่งเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงาน ได้แก่ 1) Business Analyst 2) Data Analytics and Visualization 3) Front-End Developer 4) Performance Marketing 5) Web Developer

  • "ออมสิน สวัสดีปีใหม่ สคช. พร้อมจับมือเดินหน้าต่อยอดโครงการ ปี 2568"

    22.01.2568
    702 View

    สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (สคช.) นำโดย ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันฯ และ นายนิธิวัชร ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันฯ ได้ให้การต้อนรับคณะผู้บริหารจากธนาคารออมสิน นำโดย นางสาววิลาณี แซ่แต้ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจผู้ประกอบการรายย่อย และองค์กรชุมชน ในโอกาสร่วมอวยพรปีใหม่ โดยธนาคารออมสินพร้อมที่จะสนับสนุนสถาบันฯ ในการดำเนินโครงการต่างๆ ในปี 2568 ซึ่งนับว่าสำคัญในการพัฒนาศักยภาพชุมชนอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่.

  • สคช.จับมือ ศูนย์คุณธรรม มอบประกาศนียบัตรแก่องค์กรคุณธรรมต้นแบบในระบบคุณวุฒิวิชาชีพครั้งแรก จำนวน 2 แห่ง ที่ได้รับการประเมินว่าเป็นองค์กรที่มีคุณธรรมเป็นที่ประจักษ์ในการดูแลเด็กและผู้สูงอายุ เตรียมขยายผลสู่องค์กรอื่นๆ และปรับเข้ากับบริบทของแต่ละองค์กรรับรองที่แตกต่าง

    21.01.2568
    697 View

    สคช.จับมือ ศูนย์คุณธรรม มอบประกาศนียบัตรแก่องค์กรคุณธรรมต้นแบบในระบบคุณวุฒิวิชาชีพครั้งแรก จำนวน 2 แห่ง ที่ได้รับการประเมินว่าเป็นองค์กรที่มีคุณธรรมเป็นที่ประจักษ์ในการดูแลเด็กและผู้สูงอายุ เตรียมขยายผลสู่องค์กรอื่นๆ และปรับเข้ากับบริบทของแต่ละองค์กรรับรองที่แตกต่าง นางสาวนฤมล พูลทรัพย์ ที่ปรึกษาสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ นำคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สถาบัน ร่วมประชุมถอดบทเรียนร่วมกับคณะทำงานและทีมผู้วิจัย โครงการ “พัฒนาและทดลองดำเนินการรับรององค์กรส่งเสริมคุณธรรม” ซึ่งเป็นความร่วมมือที่เกิดขึ้นภายใต้ MOU ระหว่าง สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และ ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) โดยมี รศ.ดร. สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม กล่าวต้อนรับและกล่าวถึงภาพรวมการพัฒนากระบวนการรับรององค์กรส่งเสริมคุณธรรม ซึ่งมีหน่วยงานที่สนใจเข้าร่วมรับฟังได้แก่ สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (สรพ.) และ สำนักงาน กพร. โอกาสนี้ ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม และ ที่ปรึกษาสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ได้ร่วมกันมอบประกาศนียบัตรชื่นชมยกย่องแก่ 2 หน่วยงานนำร่องของโครงการ ได้แก่ 1.มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราช โดยมีนางจิตราภา หิมะทองคำ ประธานกรรมการมูลนิธิ เป็นผู้รับมอบ มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมฯ เป็นองค์กรที่มีหน้าที่รับรองสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ ในสาขาบริการสุขภาพบุคคล อาชีพผู้ดูแลเด็ก และมีผู้ผ่านการประเมินสมรรถนะฯ แล้วจำนวน 662 คน จากทุกศูนย์ทั่วประเทศ มีปณิธานชัดเจนว่าทุกคนที่ทำงานกับมูลนิธิ “เพื่อให้เด็กมีชีวิตรอด” และแห่งที่ 2 ที่ได้รับประกาศนียบัตรชื่นชมยกย่อง คือ บริษัท บางกอกแนนนี่เซ็นเตอร์ จำกัด รับมอบโดยคุณรสรี ซันจวน ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเป็นองค์กรที่มีหน้าที่ให้บริการฝึกอบรม ในสาขาบริการสุขภาพบุคคล อาชีพผู้ดูแลผู้สูงวัย ซึ่งมีการดำเนินงานเชิงประจักษ์ชัดด้วยปณิธานอยากเห็นผู้สูงอายุได้รับการดูแลดุจญาติมิตรและส่งมอบการดูแลจากครอบครัวสู่ครอบครัว อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 องค์กรที่ได้รับประกาศนียบัตรองค์กรคุณธรรมต้นแบบครั้งนี้ จะเป็นพี่เลี้ยงในการขยายผลการดำเนินงานสู่องค์กรอื่นๆต่อไป ทั้งนี้ทีมผู้วิจัยจะมีการนำข้อคิดเห็นที่ได้รับไปพิจารณาเพื่อให้ได้โมเดลและรูปแบบกระบวนการส่งเสริมองค์กรคุณธรรมที่ยืดหยุ่น และปรับเข้ากับบริบทของแต่ละองค์กรรับรองที่แตกต่างหลากหลายในประเทศไทยได้ต่อไป

  • สคช.ร่วมการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมและยกระดับการนวดไทย ครั้งที่ 2/2568

    16.01.2568
    843 View

    นายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมและยกระดับการนวดไทย ครั้งที่ 2/2568 กับ นายโฆสิต สุวินิจจิต ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นายไทย์ธน รุ่งเรือง คณะทำงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ผู้แทนประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานสมาพันธ์หมอนวดไทย นายกสภาการแพทย์แผนไทย และข้าราชการกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ณ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข โดยที่ประชุมมีมติเรื่องความก้าวหน้าแผนการจัดอบรมหลักสูตรนวดไทยเพื่อสุขภาพ และการอบรมหลักสูตรความชำนาญ เป้าหมาย 50,000 คน ทั่วประเทศในปีงบประมาณ 2568 ไตรมาส 2 ผ่านการสนับสนุนจาก เงินกองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย โดยจับคู่เอกชน คัดสรรหมอนวดที่มีคุณสมบัติมาต่อยอดพัฒนาทักษะ ความรู้ ความสามารถเพิ่มเติมความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน 7 กลุ่มอาการ ในหลักสูตรจะรวมทักษะภาษา วัฒนธรรมและอนาโตมี่ และผู้ประกอบการที่จะจ้างงานเมื่อผ่านอบรม เพื่อรองรับภาวะขาดแรงงานในร้านนวดไทยที่ต้องการผู้นวดเพื่อสุขภาพ และผู้นวดเพื่อรักษา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในภูมิปัญญา และอัตลักษณ์ของไทยที่เป็นมาตรฐาน รวมถึงผู้ผ่านการอบรมสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น หน่วยงานภาครัฐมีการขึ้นทะเบียนผู้นวดประจำร้าน โดยนำร่องใช้หน่วยฝึกอบรมกับหน่วยงานภาครัฐ เช่น กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กรมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เครือข่ายสภาการแพทย์แผนไทย และเอกชนในลำดับต่อไป ทั้งนี้ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ได้นำเสนอตัวอย่างการประชาสัมพันธ์ให้คนสนใจโครงการนี้จากต้นแบบ นโยบาย OFOS (One Family One Soft Power) ซึ่งในที่ประชุมสนใจนำไปเป็นแนวทางประชาสัมพันธ์หลักสูตรต่อไป

  • นายกฯ มอบนโยบายหน่วยงานของรัฐ ใช้จ่ายงบประมาณปี 69 ต้องตอบโจทย์การพัฒนาประเทศในศตวรรษที่ 21 ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับคนไทยและประเทศ

    15.01.2568
    873 View

    นายกฯ มอบนโยบายหน่วยงานของรัฐ ใช้จ่ายงบประมาณปี 69 ต้องตอบโจทย์การพัฒนาประเทศในศตวรรษที่ 21 ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับคนไทยและประเทศ นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมคณะเข้าร่วมประชุมสัมมนาการมอบนโยบายและแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 โดยมี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิด และได้มอบนโยบายแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 เพื่อให้หัวหน้าส่วนราชการทั้งส่วนกลางและภูมิภาค รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบนโยบายหลักเกณฑ์และแนวทางในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ตามนโยบายรัฐบาล เพื่อนำไปปฏิบัติ ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติ ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี

  • คณะผู้บริหาร สคช. เข้าพบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พร้อมรับนโยบายในการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2568

    02.01.2568
    1,160 View

    นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ นำคณะผู้บริหารเข้าพบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะกำกับดูแลสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) เพื่อสวัสดีปีใหม่ เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2568 พร้อมรับนโยบายในการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2568 ณ กระทรวงมหาดไทย

  • สคช. คว้า 2 รางวัล DG Awards 2024 ในฐานะเป็นหน่วยงานคุณภาพด้านการเปิดเผยข้อมูล และหน่วยงานคุณภาพด้านบุคลากรดิจิทัล

    27.12.2567
    1,393 View

    สคช. คว้า 2 รางวัล DG Awards 2024 ในฐานะเป็นหน่วยงานคุณภาพด้านการเปิดเผยข้อมูล และหน่วยงานคุณภาพด้านบุคลากรดิจิทัล นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ และนายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เข้ารับรางวัลรัฐบาลดิจิทัล ประจำปี 2567 “DG Awards 2024” จากนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะเป็นหน่วยงานคุณภาพด้านการเปิดเผยข้อมูลเปิดภาครัฐ และการแลกเปลี่ยนข้อมูล (Open data & Sharable Data) สำหรับหน่วยงานระดับกรม จำนวน 1 รางวัล โดยสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ได้รับการพิจารณาจาก 2 ด้าน ในส่วนของการเปิดเผยข้อมูลเปิดภาครัฐ ร้อยละ 50 ประกอบด้วย การเปิดเผยรายชื่อชุดข้อมูลในรูปแบบข้อมูลเปิดภาครัฐที่เป็นดิจิทัลต่อสาธารณะ สัดส่วนของข้อมูลที่เปิดเผยเป็นข้อมูล Structured Data ทั้งหมด และข้อมูล Structured Data ที่อยู่ในรูปแบบ Machine-readable ครบทุกชุดตามข้อกำหนดของ สพร. และด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูล (Sharable Data) ร้อยละ 50 ประกอบด้วย หน่วยงานมีชุดข้อมูลสำหรับ การเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ และหน่วยงานอื่นสามารถเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ (Sharable Data) หน่วยงานมีช่องทางการเผยแพร่ชุดข้อมูลในช่องทางต่าง ๆ เช่น Linkage Center, GDX, NSW, DXC และ ช่องทางอื่น ๆ หน่วยงานมีการรวบรวมสถิติจำนวนชุดข้อมูลที่ให้หน่วยงานอื่นเชื่อมโยงข้อมูล (Sharable Data) และรายละเอียดการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์(Usage Statistics) และสัดส่วนของชุดข้อมูลที่ให้หน่วยงานอื่น แลกเปลี่ยนเชื่อมโยงข้อมูลได้ (Sharable Data) นอกจากนี้สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ยังได้รับรางวัลหน่วยงานคุณภาพด้านบุคลากรดิจิทัล อีก 1 รางวัล ซึ่งเป็นการพิจารณาจากผลการประเมินตนเองของบุคลากรผ่านเว็บไซต์ การประเมินทักษะด้านดิจิทัลสำหรับข้าราชการและบุคลากรภาครัฐ (Digital Government) dg-sa.tpqi.go.th โดยการหาค่าเฉลี่ยของหน่วยงานที่สูงที่สุด 5 ลำดับแรก ประกอบกับการพิจารณาสัดส่วนจำนวนของบุคลากร ในการทำแบบประเมิน นายประเสริฐ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการเป็นรัฐบาลดิจิทัลมาอย่างต่อเนื่อง มีเป้าหมายในการสนับสนุนส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐเกิดความคล่องตัวในการทำงาน ลดค่าใช้จ่าย และประหยัดเวลา ภาคเอกชน สามารถช่วยทำธุรกิจได้สะดวก ง่ายขึ้นจากการรับบริการจากภาครัฐ ขณะที่ภาคประชาชนจะได้รับความสะดวก ลดขั้นตอนการรับบริการ ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง สามารถใช้บริการแบบเบ็ดเสร็จได้ ทุกหน่วยงานที่ได้รับรางวัลจึงเป็นต้นแบบสำคัญในการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี มีการเปิดเผยข้อมูล บริการโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีการกระจายอำนาจการทำงาน ซึ่งเป็นการปฏิรูประบบราชการขับเคลื่อนสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลได้อย่างสมบูรณ์