เสิร์ฟความอร่อยต่อเนื่อง ผ่านเมนูอาหารชุมชนชวนชิม โดยธนาคารออมสินและ สคช. การันตีมืออาชีพผู้ประกอบการอาหารท้องถิ่น ยกระดับ Soft Power Gastronomy Tourism หนุนรับนักท่องเที่ยวทั้งไทย-เทศ ณ โฮมสเตย์ชุมชนตำบลไทรน้อย อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ธนาคารออมสิน ร่วมกับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ “โครงการชุมชนชวนชิม” เพื่อเสริมทักษะอาชีพด้านอาหารท้องถิ่นแก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน โดยมีผู้บริหาร 2 หน่วยงาน ประกอบด้วย ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ, คุณธีรพล สุวรรณบุปผา ผู้ช่วยอำนวยการ ธนาคารออมสินภาค 14, คุณณัฐวุฒิ ธรรมตานนท์ รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจผู้ประกอบการรายย่อยและองค์กรชุมชน ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ , คุณเพ็ญพะโยม วุฒิวัย ผู้อำนวยการเขต ธนาคารออมสินเขตพระนครศรีอยุธยา 2 และคุณพิริยพงศ์ แจ้งเจนเวทย์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมสถานประกอบการและการอบรมด้วยระบบคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมในการชิมอาหาร
การอบรมเชิงปฏิบัติการในวันนี้มีผู้เข้าร่วมอบรมซึ่งเป็นลูกค้าผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับคัดเลือกจากธนาคารออมสิน มาร่วมในการทำอาหาร 5 เมนู ได้แก่ เมนูแกงเขียวหวานโรตีหมูย่างคำฉ่ำคือการเล่าเรื่องอาหารไทยผ่านวัตถุดิบจากชุมชนตำบลไทรน้อย ที่นี่ชาวบ้านยังปลูกผักสวนครัวด้วยมืออย่างประณีต เพื่อคงรสแท้ดั้งเดิม นำมาปรุงเป็นแกงเข้มข้นด้วยเครื่องแกงตำมือ เสิร์ฟคู่โรตีและหมูย่างหมักกะทิสดให้รสนุ่มฉ่ำ, เมนูล่าเตียงกะเพราคั่ว ของว่างชาววังกับครัวไทยบ้านๆ ด้วยหมูคั่วกะเพราสดจากชุมชนห่อในตาข่ายไข่บางพอดีคำ, ข้าวผัดมันกุ้งแม่น้ำ ที่ใช้กุ้งสดตัวโตผัดจนหอมมัน เคลือบข้าวทุกเม็ดเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้านและผักพื้นบ้าน ให้รสชาติครัวไทยแท้ และเมนูของหวานแบบไทยร่วมสมัย ขนมเครปกล้วยหอมทองคาราเมลน้ำตาลโตนดกล้วยหอมทองจากสวนในชุมชน ที่ปลูกแบบไม่เร่งสุกราดคาราเมลน้ำตาลโตนดจากการเคี่ยวของชาวบ้าน และเครื่องดื่ม Welcome Drink น้ำวุ้นใบเตยหอมที่ใช้ใบเตยสดจากสวนในชุมชน โดยได้เชิญ เชฟไวภพ แซ่ปึง ,เชฟนิมมาน ศรีเมฆานนท์ และเชฟธัญมน ตันแจ่มใส เชฟมืออาชีพ มาร่วมให้ความรู้ในการฝึกอบรม
กิจกรรมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งในการผลักดัน Soft Power ด้านอาหารไทย ตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งนำทุนทางวัฒนธรรมไปสู่การสร้างรายได้และยกระดับเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืน ที่ผ่านมาได้ดำเนินการมาแล้วที่จ.เชียงใหม่, จ.สุโขทัย และจากนี้จะขยายผลต่อไปยังจ.สุราษฎร์ธานี